โฆษก กสทช แจง กรรมการกิจการโทรคมนาคม เตรียมระดมสมองรัฐ-เอกชน ถกกติกาครอบงำกิจการโทรคมนาคม
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะโฆษก กสทช. และกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า การบังคับใช้กฎหมาย ที่ว่าด้วยการออก ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ข้อบังคับ ตลอดจนกฎกติกาต่างๆที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่อยู่ภายใต้บทบาท และอำนาจหน้าที่ของกสทช.นั้นถือว่ามีความสำคัญยิ่ง
ทั้งนี้ก็เพื่อให้องคาพยพที่เกี่ยวข้องในทุกมิติสามารถเดินหน้าไปอย่างราบรื่น ภายใต้กฎกติกาเดียวกัน ที่มีความเป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
อย่างไรก็ดีหลังจากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ ในฐานะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการออกประกาศ กสทช. เรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2554 นั้น ปรากฎว่า มีนักวิชาการ ผู้ประกอบการ ทั้งในส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการบังคับใช้ของประกาศฯดังกล่าว
โดยเฉพาะความเห็นในฝั่งของผู้ที่ไม่เห็นด้วยนั้นมองว่า ประกาศฯดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ขัดต่อหลักการค้าเสรี และข้อผูกพันทางการค้าและการลงทุนที่ประเทศไทยมีต่อนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากประกาศดังกล่าวจำกัดสิทธิในการลงทุนและการประกอบกิจการของนักลงทุนต่างชาติ มากยิ่งกว่าข้อบัญญัติของ พรบ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
ส่วนฝั่งที่สนับสนุนประกาศดังกล่าวเห็นว่าประกาศนี้เป็นเรื่องจำเป็นในการคุ้มครองทรัพยากรสื่อสารของชาติที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและประโยชน์โดยรวมของคนในชาติ
ทั้งนี้จากมุมมองที่มีความแตกต่างกันของภาคส่วนดังกล่าว ทำให้ที่ประชุม กทค. เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2554 ครั้งที่ 4/2554 มีมติเป็นเอกฉันท์สมควรให้มีการจัดการเสวนาในรูปแบบโฟกัสกรุ๊ป ในวันพุธที่30 พฤศจิกายน 2554 เพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจน ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย หอการค้าต่างประเทศ หอการค้าไทย ผู้แทนจากทีดีอาร์ไอและภาคประชาชนมาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองต่อประกาศฯดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
“การออกกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เมื่อกฎหมายนั้นมีผลใช้บังคับแล้ว ก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ในส่วนของประกาศ กสทช.ดังกล่าวก็เปิดช่องให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะด้วย เพื่อให้เกิดความรอบคอบและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย รวมทั้งให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ทั้งนี้เมื่อได้รับฟังความคิดเห็นต่างๆแล้ว ก็จะได้มีการนำมาพิจารณาโดยรอบคอบว่ามีความจำเป็น ที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงประกาศนี้หรือไม่ และหากจะต้องแก้ไขปรับปรุง ควรจะแก้ไขปรับปรุงในประเด็นใด จึงจะเหมาะสมที่สุด” ดร.สุทธิพล กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น